EP.26 Money Management กับกฏ 1%
Money Management กับกฏ 1% : หลังจากที่เราได้เรียนรู้พื้นฐาน Forex และการใช้ MT4 เบื้องต้นกันไป ก่อนไปที่เรื่องเทคนิคการวิเคราะห์กราฟ เรามาดูเรื่องที่สำคัญกว่าเรื่องนี้ก่อนครับ นั่นก็คือ “Money Management”
ถ้ายังจำรูป “ภูเขาน้ำแข็ง” ที่ผมพูดในตอนที่ 3 กันได้ เรื่อง “Money Management” มีความสำคัญมากกว่าเทคนิคหรือระบบเทรดเสียอีกจริงมั๊ยครับ ดังนั้นผมจะหยิบมันมาพูดถึงก่อนที่ไปเรื่องเทคนิคการวิเคราะห์กราฟ
“Money Management” ไม่ว่าจะเรียกเป็นภาษาไทยว่า “การบริหารจัดการเงิน” หรือ “การบริหารจัดการความเสี่ยง” มันก็คือเรื่องเดียวกัน

ปัญหาที่มือใหม่ส่วนมากมักจะเจอกันก็ คือ
- ไม่รู้ว่าจะใช้ขนาด Lot เท่าไหร่ในการเปิดออเดอร์?
- ไม่รู้ว่าต้องใช้ความเสี่ยงเท่าไหร่ดี?
ถ้าจำกันได้ผมเคยพูดไว้ในตอนที่ 2 เรื่องที่แนะนำให้ใช้ความเสี่ยงที่ 1% กันก่อน
แล้วทำไมต้อง 1% ที่มาของ “กฏ 1%” มาจากการนำ สูตรเคลลี่ “Kelly’s Formula” มาประยุกต์ใช้
สูตรเคลลี่ “Kelly’s Formula” : เป็นวิธีการบริหารหน้าตักที่จะทำให้หมดตัวน้อยที่สุด และสามารถสร้างกำไรเร่งพอร์ตได้เร็วที่สุด
สูตร Kelly ถูกวิจัยขึ้นที่เบลแลป โดยนาย จอห์น เคลลี่ จูเนียร์ (John Kelly, Jr.) และเพื่อนๆ
แต่เคลลี่เองยังไม่ทันได้ใช้งานวิจัยนี้ ก็เสียชีวิตไปเสียก่อน เพื่อนของเขา นาย คลอด แชลนอล (Claude Shannon) ได้นำกลยุทธ์การวางเงินนี้ไปเอาชนะเจ้ามือ “Blackjack” จนร่ำรวยและเป็นที่รู้จัก
หลังจากนั้นเทรดเดอร์จำนวนมาก จึงนำมาใช้ในการวางเงินในการเทรดหุ้น , Forex, Commodity กันอย่างแพร่หลาย
ข้อดีของกลยุทธ์การวางเงินนี้ คือ ช่วยลดความเสี่ยง โดย “การลดขนาดของ Lot” ในการเทรดลง “ทุกครั้งที่แพ้” และช่วย “เพิ่มขนาดของ Lot” ให้มากขึ้นใน “ทุกครั้งที่เทรดแล้วชนะ”
อย่างไรก็ตามต้องขอออกตัวก่อนว่า 1% ที่ไม่ได้มาจากการใช้ สูตรเคลลี่ “Kelly’s Formula” คำนวณแบบตรงๆเลยนะครับ เพราะถ้าจะใช้สูตรนี้คุณจำเป็นต้องมี % WinRat ที่ผ่านการทดสอบมาแล้ว และ มีอัตราต่อรอง (Risk : Reward) ของระบบเสียก่อน
ถึงแม้ว่าจะมีทั้ง 2 สิ่งแล้วก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมาก็อาจจะดูมีความเสี่ยงที่สูงเกินไปกับการนำมาใช้ในการเทรด Forex ด้วยเช่นกัน
อ่านมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะเริ่มงง ผมจะบอกว่าไม่ต้องงไปหรอกครับ คุณไม่จำเป็นต้องไปจำมันก็ได้ครับ ว่าสูตรนี้มันใครเป็นคนคิด หรือสูตรมันคืออะไร ถ้าใครอยากรู้ก็ลองหาใน Google เพิ่มเติมได้ครับ
สิ่งที่คุณควรรู้แค่จำไว้ว่า หลักการของ “กฏ 1%” ที่ผมพูดถึงมัน คือ “เป็นวิธีการบริหารหน้าตักที่จะทำให้หมดตัวน้อยที่สุด และสามารถสร้างกำไรเร่งพอร์ตได้เร็วที่สุด” แค่นี้ก็พอครับ
คุณอาจจะยังนึกไม่ออกว่าจะช่วยยังไง ผมทำตารางมาให้ดูประกอบกับอธิบายให้ฟังตามนี้นะครับ

จากตารางสมมุติให้การเทรด 20 ครั้งแพ้ทั้งหมด สังเกตุว่าทุกครั้งที่แพ้จำนวนเงินที่เราจะเสี่ยงต่อครั้งก็ลดลงด้วยเช่นกัน
ดังนั้นถ้าเราใช้ความเสี่ยง 1% โดยคำนวณความเสี่ยงใหม่ตามยอดเงินทุนทุกครั้ง เมื่อเงินทุนเราลดลงจำนวนเงินที่เสี่ยงแต่ละครั้งก็จะลดลงตามสัดส่วนด้วย
และในทางกลับกันถ้าเราเทรดชนะเงินทุนเพิ่มขึ้น จำนวนเงินที่เสี่ยงแต่ละครั้งก็จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนไปด้วยทำให้อัตราการเติบโตของพอร์ตเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
ที่นี้เรามาดูว่าถ้าเราเทรดขาดทุน จะต้องเทรดให้ได้กำไรกี่ % เพื่อให้ได้คืนเท่าทุน

จากตารางสังเกตุว่าเราเทรดขาดทุน 20% เราจะกลับเท่าทุนได้ เราต้องกำไร 25% ของทุนที่เหลือถึงจะกลับมาเท่าทุนได้ แล้วยิ่งเราปล่อยให้ขาดทุนมากขึ้น เช่น 50% เราจะต้องทำกำไรถึง 100% ของทุนที่เหลือเลยถึงจะกลับมาเท่าทุน
แน่นอนว่ายิ่งเราขาดทุนหนักมาก เราจะยิ่งเหนื่อยมากขึ้นและมีผลต่อสภาพจิตใจในการเทรดแน่นอน
ดังนั้นควรใช้ความเสี่ยงในระดับที่เหมาะสม ผมจึงแนะนำให้คุณเริ่มต้นที่ 1% ก่อน หรือจะต่ำกว่านั้นก็ได้ในการเริ่มต้น เมื่อคุณเทรดเก่งขึ้นมีผลงานดีขึ้นอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเพิ่มความเสี่ยงขึ้นอีกหน่อยก็ยังได้ครับ
ในตอนนี้ผมขอจบเพียงเท่านี้ก่อนนะครับ ในตอนต่อไปเราจะยังคงอยู่กับเรื่อง “Money Management” กันต่อ แล้วพบกันในตอนต่อไปนะครับ
“Control Risk, do not let control you”
“ควบคุมความเสี่ยง, ไม่ปล่อยให้มันควบคุมคุณ”
เลือกอ่านบทความอื่นๆ คลิ๊กที่นี่
เลือกโบรกเกอร์จากการจัดอันดับเพื่อเปิดบัญชีเทรด คลิ๊กที่นี่
ช่องทางติดต่อเรา
Facebook : https://www.facebook.com/brokerforexreview
E-Mail : brokerforexreview.com@gmail.com
